เหรียญหลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ จ.นครศรีธรรมราช รุ่นสร้างกุฏิ ปี 2527 สภาพสวยเดิม
ขนาดโดยประมาณ กว้าง 1.8 ซ.ม. สูง 2.5 ซ.ม.
หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ อ. เชียรใหญ่ จ.นครศรีฯ ว่ากันว่าหลวงหลวงปู่จันทร์ท่านนี้มีวิชาอาคมแก่กล้ามีญาณสมาธิสูงไม่เป็นสองรองใคร ของเมืองนครศรีธรรมราช

ประวัติหลวงพ่อจันทร์ สุเมโธ
เกิดวันพฤหัสบดี ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีชวด ณ บ้านหลาแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บิดาชื่อนายเขียว มารดาชื่อนางพุดแก้ว นามสกุล ทองแก้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรชายคนโต มีพี่น้อง 4 คน มีอาชีพทำสวนทำไร่ ตอนเยาว์วัยได้ศึกษาในสำนักของ พระครูสังฆรักษ์ วัดหลาแก้ว ได้ศึกษาอักขระสมัยและวิชาอาคมต่างๆ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ศึกษาพุทธเวทย์จากตำราต่างๆ มีวิชาอาคมพอตัวเลยทีเดียว นักเลงหัวไม้ต่างกลัวท่าน เนื่องจากท่านหนังเหนียวยิ่งนัก เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดศาลาแก้ว มีพระครูพนังศรีวิสุทธิพุทธิภักดี เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์เห้ง วัดศาลามีแก้ว เป็นพระกรรมาวาจารย์ ได้ฉายาว่า "สุเมโธ"
น้ำมนต์ - ชานหมาก
ผู้ทีถูกคุณไสยต่างๆ ถูกผีเข้าสิง ถ้าได้น้ำมนต์จากหลวงพ่อไปประพรมแล้ว เป็นอันหายเป็นปกติทุกราย
ส่วน "ชานหมาก" ถ้าได้ให้หลวงพ่อเคี้ยวหมากแล้วคายชานให้ใน วันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ แล้วนับว่า พุทธคุณเป็นเลิศ เรื่องนี้หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ มีตัวอย่างมาแล้ว ชานหมากของหลวงพ่อจันทร์ซึ่งปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ต่อมาก็แข็งกลายเป็นหิน เป็นเหล็กไปก็มี
ทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ประชาชนจะหลั่งไหลไปยังวัดทุ่งเฟื้อ ทั้งนี้เพื่อให้ท่านปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้ ซึ่งถือว่าเป็นยอดมงคลที่เดียว วาระนั้นท่านแทบจะไม่ได้จำวัดเลย
พุทธคุณพระเครื่อง “หลวงพ่อจันทร์”
ในเรื่องอิทธิมงคลวัตถุของหลวงพ่อจันทร์นั้น มีอานุภาพดีเด่นในทางพุทธคุณสูง อานุภาพสูงส่งจากประสบการณ์ผู้นำติดตัวไปใช้มีมากมาย จึงเป็นที่หวงแหนของผู้ที่ครอบครองไว้ สำหรับความรู้สึกของศิษยานุศิษย์ที่ได้เรียนวิชาคงกระพัน วิชาชาตรี วิชาแคล้วคลาด วิชามหาอุด และรับมอบอิทธิวัตถุมงคลของหลวงพ่อจันทร์ พูดได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว
หลวงพ่อจันทร์มรณภาพตามกำหนด
คืนวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ท่านเข้าสมาธิภาวนาตั้งแต่หัวค่ำด้วยอิริยาบถอันสงบ แม้อาการป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด ท่านก็ไม่ทอดธุระเรื่องภาวนา จนได้เวลา 05.00 น. อันเป็นเวลาใกล้สว่าง หลวงพ่อจันทร์ ท่านได้ให้บรรดาศิษย์ช่วยกันพยุงกายท่านให้ลุกขึ้น เพราะท่านนั่งสมาธิมาตั้งแต่หัวค่ำ เรี่ยวแรงก็น้อยลง เมื่อพระสมุห์พิงค์ ท่านได้เปลี่ยน สบง จีวร สังฆาฏิ ใหม่หมด เสร็จแล้วท่านได้บอกให้ลูกศิษย์ประคองให้นั่งลงทำสมาธิต่อไป หลังจากฉันอาหารเช้าแล้ว ท่านก็หลับตาลง และได้สั่งให้พระสมุห์พิงค์ ผู้เป็นศิษย์จุดเทียนไว้เบื้องหน้าหนึ่งเล่ม พร้อมทั้งไม่ให้ใครมาส่งเสียงบริเวณนั้น จะทำสมาธิครั้งสุดท้าย หลังจากกล่าวแก่ศิษย์ทุกคนแล้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านก็หลับตาลงเป็นครั้งสุดท้ายกำหนดจิตเข้าสู่สมาธิเป็นลำดับ เวลา 08.30 น.บรรดาลูกศิษย์ที่เฝ้าดูอาการของ หลวงพ่อจันทร์ เห็นผิดสังเกต เพราะศีรษะของท่านโน้นเอียงลงมาเล็กน้อย ซึ่งปกติท่านจะนั่งตัวตรงไม่ไหวติง ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดท่านย่อมรู้ดี จึงทราบว่า หลวงพ่อจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ท่านได้มรณะภาพแล้ว

ร่างกายไม่เน่าเปื่อย
การนั่งมรณะภาพของ หลวงพ่อจันทร์ เมื่อวันที่10 พฤศจิกายน 2532 ได้ลือกระฉ่อนไปทั่วสารทิศเมืองนครศรีธรรมราช สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย สังขารของท่านแข็งดุจหินแม้เวลาล่วงเลยมาหลายปี